|
อาการมะเร็งปากมดลูก มีสัญญาณเตือนภัย ที่ควรสังเกตุ อาการมะเร็งปากมดลูก มีสัญญาณเตือนภัย ที่ควรสังเกต | |
อาการมะเร็งปากมดลูก มีสัญญาณเตือนภัย ที่ควรสังเกตุอันที่จริงโรคภัยอันตรายร้ายแรงของผู้หญิงโดยเฉพาะก็มีไม่กี่โรคหรอกค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือ "มะเร็งปากมดลูก" ที่หลายๆ คนแอบสงสัยว่าตัวเองกำลังเสี่ยง หรือกำลังจะเป็นมะเร็งปากมดลูกอยู่หรือเปล่า เวลาปวดท้องประจำเดือนหนักๆ ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยโรคนี้หรือไม่ และมีอาการมะเร็งปากมดลูก อย่างไร Sanook Health หาคำตอบมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ อาการมะเร็งปากมดลูก
จะเห็นว่าอาการมะเร็งปากมดลูกที่เห็นได้ชัดเจน คือมีเลือดออกจากช่องคลอดขณะ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงอาการตกขาวที่อาจมีเลือดปนนะคะ หากพบอาการดังกล่าว บวกกับอาการในข้ออื่นๆ ด้วยแล้วล่ะก็ พบแพทย์โดยด่วนเลยนะคะ แต่ถึงแม้จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ก็ยังมีวิธีป้องกันด้วยนะ มะเร็งปากมดลูกพบได้ในใครบ้าง ?จากข้อมูลหนึ่งที่มีความน่าสนใจ โดยเป็นข้อมูลที่มาจากการสำรวจสถิติทั่วโลกพบว่า มะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นโรคมะเร็งอันดับที่ 2 ที่จะพบได้ในเพศหญิงรองลงมาจาก มะเร็งเต้านม ซึ่งข้อมูลนี้ก็รวมถึงในประเทศไทยด้วย อีกทั้ง มะเร็งปากมดลูกก็ยังเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 30 - 70 ปี พบมากในช่วงอายุ 45 - 55 ปี แต่ก็ไม่ได้มีการตรวจพบในผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีลงไป และผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ผู้หญิงควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่อใด ?ในการเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั้น ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ทุกช่วงอายุควรจะเดินทางไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอยู่เสมอ หรือที่เรียกกันว่า การตรวจแป๊บสเมียร์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ส่วนผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มตรวจคัดกรองเมื่อมีอายุประมาณ 21 - 25 ปีขึ้นไป ซึ่งหากพบความผิดปกติ แพทย์ก็อาจมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจแป๊บสเมียร์ซ้ำ หรือนัดตรวจแป๊บสเมียร์บ่อยขึ้น หรือพิจารณาตัดชิ้นเนื้อปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจทางพยาธิวิทยา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย รวมถึงดุลพินิจของแพทย์เป็นสำคัญ ระยะของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
อาการมะเร็งปากมดลูกในช่วงระยะก่อนที่จะเริ่มป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือในระยะเริ่มแรกนั้น ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้เลย แต่สามารถทราบได้จากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยเมื่อเริ่มเป็นมากจะมีอาการที่พบบ่อย ได้แก่
หากว่ามะเร็งได้ลุกลามไปมากขึ้น หรือลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ก็อาจทำให้มีอาการปวดหลัง หรือปวดก้นกบ หรือปวดหลังร้าวลงไปยังขา ซึ่งหากอาการที่เป็นไปกดทับเส้นประสาทก็อาจทำให้ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นเลือด และหากว่าเกิดการลุกลามเข้าไปยังกระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ใหญ่ ก็อาจทำให้ขาบวม โดยหากเกิดการลุลามไปกดทับท่อน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน หรือทำให้ท่อน้ำเหลืองเหล่านั้นอุดตัน ก็จะทำให้มีการปัสสาวะผิดปกติ หรือมีอาการไตวายเฉียบพลัน วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมี 3 วิธี
สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากลูกช่วงการตรวจที่ดีที่สุดนั้น คือ 10 ที่อยู่ตรงกลาง โดย 1 เดือนจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 10 วัน โดยเป็นวันแรกที่มีประจำเดือนให้นับเป็นวันที่ 1 และนับต่อไปวันที่ 11 หลังจากที่มีประจำเดือนวันแรกไปจนถึงวันที่ 20 ซึ่งค่าเบี่ยงเบนนั้นจะมีน้อยกว่า นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจคัดกรองมากที่สุด เมื่อพบว่าเป็น "มะเร็งปากมดลูก" ต้องทำอย่างไรเมื่อมะเร็งปากมดลูกเพิ่งเกิดขึ้นในระยะแรก การผ่าตัดก็นับว่าเป็นวิธีที่ให้ผลดีมากที่สุด แต่หากปล่อยไว้จนเกิดการลุกลามแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ใช้รังสีเพื่อฉายแสงร่วมกับการใส่แร่ หรือผสมผสานกับการผ่าตัดด้วยรังสีและให้ยาเคมีบำบัด โดยต้องให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้นเป็นผู้ลงมือ ดังจะอธิบายได้ต่อไปนี้
อะไรคือความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกเมื่อผู้ป่วยตรวจพบแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ขั้นแรกก็จะต้องทำใจยอมรับและเข้มแข็ง เพื่อให้การรักษาเป็นไปตามขั้นตอนและมีโอกาสที่จะดีขึ้น ไม่เช่นนั้นหากเรามีภาวะเครียด คิดมาก หรือมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามากระทบกับสิ่งเป็นอยู่ก็อาจทำให้ตัวโรคแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม แล้วปัจจัยไหนบ้างล่ะที่เข้ามาทำให้ความเสี่ยงที่โรคจะพัฒนาสูงขึ้น
แพทย์วินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไรในการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น แพทย์จะทำการตรวจทางช่องคลอด พร้อมกับตรวจคลำหน้าท้อง รวมถึงการตรวจทางทวารหนักเพื่อที่จะได้เห็นปากมดลูกอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นการตรวจการลุกลามของโรคภายในอวัยวะข้างเคียงด้วย (คลำได้ทางทวารหนัก) ถ้าหากพบก้อนเนื้อ และ/หรือแผล แพทย์ก็จะทำการตัดชื้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่พบก้อนเนื้อ หรือแผนที่ชัดเจน แต่จากการตรวจแป๊ปสเมียร์มีความสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติ แพทย์นรีเวชก็อาจทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยกล้องขยายที่เรียกว่า คอลโปสโคป (Colposcope) จากนั้นก็จะพิจารณาตัดชิ้นเนื้อในส่วนที่ผิดปกติเพื่อส่งตรวจทางพยาธิเพิ่มเติมต่อไป วิธีป้องกัน มะเร็งปากมดลูก
ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และตรวจภายในเพื่อหามะเร็งปากมดลูกกันด้วยนะคะ กันไว้ดีกว่าแก้นะ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ นมสด :: วันที่ลงประกาศ 2023-04-24 21:39:28 |
Copyright © 2011 All Rights Reserved. |
Visitors : 38532 |